IOTEC Thailand : หุ่นยนต์ + ชุดเรียนรู้ วิทยาการคำนวณ STEM | Makerspace Classroom

Home » BLOG » วิทยาการคำนวณ อนาคตของการเรียนรู้ ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการศึกษา

วิทยาการคำนวณ อนาคตของการเรียนรู้ ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการศึกษา

วิทยาการคำนวณ: ทักษะแห่งอนาคตที่ สพฐ. ให้ความสำคัญ

ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวไปอย่างรวดเร็ว “วิทยาการคำนวณ” ได้กลายเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกระบวนการคิดเชิงตรรกะ การวิเคราะห์ปัญหา การสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนไทย จึงได้ผลักดันวิทยาการคำนวณเข้าสู่หลักสูตรการศึกษา เพื่อให้เด็กๆ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต

ความสำคัญของวิทยาการคำนวณในหลักสูตร สพฐ.

การที่ สพฐ. ให้ความสำคัญกับวิทยาการคำนวณนั้น สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับผู้เรียน วิทยาการคำนวณไม่เพียงช่วยให้นักเรียนเข้าใจการทำงานของเทคโนโลยี แต่ยังพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสาขาวิชาและในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้วิทยาการคำนวณตั้งแต่เยาว์วัยช่วยเสริมสร้างความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง และพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น

วิทยาการคำนวณกับการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21

วิทยาการคำนวณเป็นแกนหลักที่ส่งเสริมทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ซึ่งรวมถึง:

6 Cruiciual Skills ของวิชา วิทยาการคำนวณ
  • ทักษะการคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking): เป็นหัวใจสำคัญของวิทยาการคำนวณที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การแยกส่วนประกอบ การจดจำรูปแบบ การคิดเชิงนามธรรม และการออกแบบอัลกอริทึม ทักษะเหล่านี้ช่วยให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์ปัญหาที่ซับซ้อนให้เป็นส่วนย่อยๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ และมองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
  • ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking): วิทยาการคำนวณส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักตั้งคำถาม วิเคราะห์ข้อมูล และประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจหรือลงมือแก้ปัญหา
  • ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving): การเรียนรู้วิทยาการคำนวณมักเกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ และการหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสม ทำให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนกระบวนการคิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
  • ทักษะการสื่อสาร (Communication): การอธิบายแนวคิด กระบวนการ หรือผลลัพธ์ของโปรเจกต์วิทยาการคำนวณ ช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างชัดเจนและมีเหตุผล
  • ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration): หลายๆ โปรเจกต์ในวิทยาการคำนวณจำเป็นต้องมีการทำงานเป็นทีม ซึ่งส่งเสริมทักษะการแบ่งปันความคิดเห็น การรับฟังผู้อื่น และการทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
  • ทักษะความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation): วิทยาการคำนวณเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกแบบ สร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ จากแนวคิดของตนเอง

การส่งเสริมวิทยาการคำนวณในระดับประถมศึกษา

ในระดับประถมศึกษา สพฐ. มุ่งเน้นการปูพื้นฐานวิทยาการคำนวณผ่านกิจกรรมที่สนุกสนานและเหมาะสมกับวัย เพื่อให้เด็กๆ เกิดความคุ้นเคยและไม่รู้สึกว่าวิชานี้เป็นเรื่องยาก แนวทางการจัดการเรียนรู้มักจะเน้นการเรียนรู้แบบ Unplugged คือไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ แต่ใช้เกม กิจกรรม หรือสถานการณ์จำลอง เพื่อพัฒนาแนวคิดเชิงตรรกะและทักษะการแก้ปัญหา เช่น:

  • เกมปริศนาและเกมตรรกะ: ช่วยพัฒนาการคิดอย่างเป็นระบบและการวางแผน
  • กิจกรรมการจัดลำดับขั้นตอน: การให้เด็กๆ จัดเรียงลำดับการกระทำต่างๆ เช่น การทำอาหาร การเดินทาง หรือการสร้างสิ่งของ
  • การใช้สื่อการเรียนรู้แบบมีภาพประกอบ: เพื่อให้เด็กๆ เข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น
  • การเล่านิทานหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอัลกอริทึม: เช่น การให้ตัวละครในนิทานทำตามขั้นตอนที่กำหนดเพื่อแก้ปัญหา
  • การใช้สื่อการสอนแบบ Block-based programming: เช่น โปรแกรม Scratch หรือแอปพลิเคชันที่คล้ายกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้ลองสร้างเรื่องราวหรือเกมง่ายๆ โดยการลากและวางบล็อกคำสั่ง
วิทยาการคำนวณ #2

การส่งเสริมวิทยาการคำนวณในระดับมัธยมศึกษา

ในระดับมัธยมศึกษา การเรียนรู้วิทยาการคำนวณจะมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเน้นการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะที่ได้เรียนมา เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนขึ้น และเริ่มมีการใช้ภาษาโปรแกรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น Python หรือ Arduino ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในการควบคุมหุ่นยนต์และอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) การเรียนรู้ในระดับนี้จะช่วยให้นักเรียนสามารถ:

  • ออกแบบและพัฒนาระบบง่ายๆ: เช่น ระบบควบคุมอัตโนมัติ หรือแอปพลิเคชันพื้นฐาน
  • วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลขนาดเล็ก: เพื่อหาข้อสรุปหรือแนวโน้ม
  • ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้: การเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ให้ทำงานตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นการนำทักษะวิทยาการคำนวณไปประยุกต์ใช้จริง และเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้
  • พัฒนาโครงงานวิทยาการคำนวณ: เป็นการบูรณาการความรู้และทักษะทั้งหมด เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการบางอย่างได้

บทบาทของหุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้ในการเสริมสร้างวิทยาการคำนวณ

หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้การเรียนรู้วิทยาการคำนวณเป็นเรื่องที่จับต้องได้และน่าตื่นเต้นสำหรับนักเรียน สพฐ. เองก็สนับสนุนให้โรงเรียนนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะหุ่นยนต์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเรียนได้:

  • เห็นผลลัพธ์ของการเขียนโปรแกรมทันที: เมื่อเขียนโค้ดและอัปโหลดไปยังหุ่นยนต์ นักเรียนสามารถเห็นได้ทันทีว่าคำสั่งของตนทำงานอย่างไร ทำให้เกิดความเข้าใจและแรงบันดาลใจ
  • เรียนรู้แบบลงมือทำ (Hands-on Learning): การประกอบหุ่นยนต์ การเชื่อมต่อวงจร และการทดลองเขียนโปรแกรม ทำให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่อ และส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาในสถานการณ์จริง
  • พัฒนาทักษะ STEM: (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์): การทำงานกับหุ่นยนต์ต้องอาศัยความรู้จากหลากหลายสาขาวิชา ซึ่งเป็นการบูรณาการการเรียนรู้ STEM เข้ากับวิทยาการคำนวณได้อย่างลงตัว
  • สร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการ: หุ่นยนต์ช่วยกระตุ้นความสนใจและจินตนาการของเด็กๆ ให้กล้าที่จะคิดนอกกรอบ และสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ
วิทยาการคำนวณ #3

ความร่วมมือเพื่อการขับเคลื่อนวิทยาการคำนวณ

การจะผลักดันวิทยาการคำนวณให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของ สพฐ. นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน:

  1. ครูผู้สอน: ครูคือหัวใจสำคัญในการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ ครูต้องมีความเข้าใจในเนื้อหาและวิธีการสอนวิทยาการคำนวณ รวมถึงการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของครูจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
  2. ผู้บริหารสถานศึกษา: การสนับสนุนด้านนโยบาย งบประมาณ และทรัพยากร เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสม และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
  3. ผู้ปกครอง: การส่งเสริมและสนับสนุนบุตรหลานให้มีความสนใจในวิทยาการคำนวณ และจัดหาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ที่บ้าน จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ
  4. ภาคเอกชนและชุมชน: การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการจัดอบรม บริจาคอุปกรณ์ หรือให้ความรู้แก่โรงเรียนและนักเรียน จะช่วยเติมเต็มทรัพยากรและสร้างโอกาสในการเรียนรู้ที่หลากหลายมากขึ้น

วิทยาการคำนวณจึงไม่ใช่เพียงวิชาหนึ่งที่ สพฐ. เพิ่มเข้ามาในหลักสูตร แต่เป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการสร้างอนาคตของชาติ การเตรียมความพร้อมให้เยาวชนไทยมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถประยุกต์ใช้วิทยาการคำนวณได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โรงเรียนยุคใหม่: ใช้หุ่นยนต์และวิทยาการคำนวณยกระดับการเรียนรู้

ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว “โรงเรียนยุคใหม่” จึงต้องปรับตัวและพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้สอดรับกับความต้องการของโลกอนาคต การนำ “หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้” และ “วิทยาการคำนวณ” มาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ สร้างทักษะที่จำเป็น และเตรียมความพร้อมให้นักเรียน “ประถมศึกษา” และ “มัธยมศึกษา” ก้าวทันโลกดิจิทัลตามนโยบายของ “สพฐ.”

การบูรณาการหุ่นยนต์และวิทยาการคำนวณในหลักสูตร

การเรียนรู้วิทยาการคำนวณผ่านหุ่นยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเสริมสร้างความสนุกสนาน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง (Hands-on Learning) ซึ่งช่วยให้เกิดความเข้าใจในแนวคิดเชิงนามธรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม โรงเรียนสามารถบูรณาการการใช้หุ่นยนต์และวิทยาการคำนวณเข้ากับวิชาต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์เท่านั้น

  • วิชาวิทยาศาสตร์: ใช้อุปกรณ์หุ่นยนต์ในการทดลองจำลองสถานการณ์ทางฟิสิกส์ หรือการควบคุมเซ็นเซอร์เพื่อเก็บข้อมูล
  • วิชาคณิตศาสตร์: ประยุกต์ใช้การเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์เพื่อแก้ปัญหาทางเรขาคณิต หรือการคำนวณระยะทาง
  • วิชาภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ: ให้นักเรียนสร้างเรื่องราวและให้หุ่นยนต์แสดงตามบทบาทที่เขียนขึ้น เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารและการเล่าเรื่อง
  • วิชาสังคมศึกษา: ใช้หุ่นยนต์ในการจำลองการทำงานของระบบต่างๆ ในสังคม หรือการสร้างแบบจำลองเมืองอัจฉริยะ

ประโยชน์ของการใช้หุ่นยนต์และวิทยาการคำนวณในโรงเรียนยุคใหม่

การนำหุ่นยนต์และวิทยาการคำนวณมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนมีประโยชน์มากมาย ทั้งต่อตัวนักเรียน ครูผู้สอน และภาพรวมของการศึกษา:

  • ส่งเสริมการคิดเชิงคำนวณ: นักเรียนจะได้ฝึกฝนการแยกแยะปัญหา การคิดวิเคราะห์ การออกแบบอัลกอริทึม และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นหัวใจของวิทยาการคำนวณ
  • พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา: เมื่อเผชิญกับข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ นักเรียนจะต้องหาสาเหตุและวิธีการแก้ไขด้วยตนเอง ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
  • สร้างแรงบันดาลใจและความสนใจ: หุ่นยนต์เป็นสื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจและกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ
  • ฝึกฝนการทำงานร่วมกัน: หลายๆ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ต้องทำเป็นกลุ่ม ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้การสื่อสาร การแบ่งหน้าที่ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
  • ยกระดับความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: นักเรียนสามารถออกแบบและสร้างสรรค์หุ่นยนต์หรือโปรแกรมในแบบของตนเอง ซึ่งเป็นการปลูกฝังความคิดนอกกรอบและการสร้างนวัตกรรม
  • เตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพในอนาคต: ทักษะด้านวิทยาการคำนวณและหุ่นยนต์เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงานยุคใหม่ การปูพื้นฐานตั้งแต่วัยเรียนจะช่วยให้นักเรียนมีศักยภาพในการประกอบอาชีพในอนาคต
Multi Futures Skills

โรงเรียนที่มุ่งสู่ความเป็น “โรงเรียนยุคใหม่” จึงควรให้ความสำคัญกับการลงทุนในสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัย เช่น “หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้” และพัฒนาหลักสูตรที่เน้น “วิทยาการคำนวณ” โดยมี “สพฐ.” เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน เพื่อสร้างสรรค์การศึกษาที่มีคุณภาพและเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนไทยในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ “ประถมศึกษา” จนถึง “มัธยมศึกษา” ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถและพร้อมรับมือกับโลกแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง

การศึกษา STEM สู่ห้องเรียน สพฐ.: สร้างสรรค์พลเมืองดิจิทัล

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก การศึกษาจึงต้องปรับตัวเพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและพร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกอนาคต สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เล็งเห็นถึงความสำคัญของการ “ศึกษา STEM” (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ซึ่งเป็นแนวทางที่เน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากหลายสาขาวิชา เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยมี “หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้” และ “ชุดเรียนรู้ Weeemake” เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนให้ห้องเรียนของ สพฐ. สร้าง “พลเมืองดิจิทัล” ที่มีคุณภาพ

ความสำคัญของการศึกษา STEM ในบริบทของ สพฐ.

การศึกษา STEM ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้แยกส่วนของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ แต่เป็นการหลอมรวมศาสตร์เหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้ สพฐ. ให้ความสำคัญกับการศึกษา STEM เพราะเชื่อว่า:

  • สร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง: ช่วยให้นักเรียนมีพื้นฐานความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
  • พัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21: ส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับอนาคต
  • เตรียมความพร้อมสู่โลกอาชีพ: สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานที่ต้องการบุคลากรในสาขา STEM เพิ่มมากขึ้น
  • สร้างพลเมืองดิจิทัล: ปลูกฝังให้เยาวชนมีความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัล และสามารถใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาอย่างมีจริยธรรม

หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้: เครื่องมือหลักในการขับเคลื่อน STEM

“หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้” เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการทำให้แนวคิดของ STEM เป็นรูปธรรมและน่าสนใจสำหรับนักเรียน เมื่อนักเรียนได้ลงมือประกอบหุ่นยนต์ เขียนโปรแกรมควบคุม และทดลองการทำงานของหุ่นยนต์ พวกเขาจะได้เรียนรู้หลักการทางวิทยาศาสตร์ (เช่น กลศาสตร์ ฟิสิกส์) เทคโนโลยี (การเขียนโปรแกรม เซ็นเซอร์) วิศวกรรมศาสตร์ (การออกแบบโครงสร้าง) และคณิตศาสตร์ (การคำนวณระยะทาง มุม) ไปพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น:

  • การออกแบบและการสร้าง: นักเรียนเรียนรู้หลักการทางวิศวกรรมในการออกแบบโครงสร้างหุ่นยนต์ให้แข็งแรงและทำงานได้ตามต้องการ
  • การเขียนโปรแกรม: การใช้ภาษาโปรแกรมต่างๆ เพื่อกำหนดให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง หรือทำงานอัตโนมัติ เป็นการพัฒนาทักษะวิทยาการคำนวณ
  • การทดลองและแก้ไขปัญหา: เมื่อหุ่นยนต์ทำงานไม่ถูกต้อง นักเรียนจะต้องวิเคราะห์หาสาเหตุและปรับเปลี่ยนโค้ดหรือการออกแบบ ซึ่งเป็นการฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหา

ชุดเรียนรู้ Weeemake: ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับห้องเรียน สพฐ.

“ชุดเรียนรู้ Weeemake” เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับโรงเรียนภายใต้การดูแลของ สพฐ. ที่ต้องการนำการศึกษา STEM เข้าสู่ห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น:

  • ใช้งานง่าย: ชุดหุ่นยนต์ Weeemake ได้รับการออกแบบมาให้ประกอบและเขียนโปรแกรมได้ง่าย เหมาะสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้น
  • แข็งแรงทนทาน: วัสดุที่ทำจากอะลูมิเนียมช่วยให้หุ่นยนต์มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานซ้ำๆ ในห้องเรียน
  • ยืดหยุ่นในการเรียนรู้: สามารถปรับการเรียนรู้ได้หลากหลายระดับ ตั้งแต่พื้นฐานสำหรับเด็กเล็ก ไปจนถึงการเขียนโปรแกรมขั้นสูงสำหรับนักเรียนโต
  • ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์: นักเรียนสามารถต่อยอดและสร้างสรรค์หุ่นยนต์ในรูปแบบต่างๆ ได้ไม่จำกัดตามจินตนาการ
  • สอดคล้องกับหลักสูตร: สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นวิทยาการคำนวณและการศึกษา STEM ได้อย่างดี

การนำ “หุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชุดเรียนรู้ Weeemake” เข้ามาใช้ในห้องเรียนของ สพฐ. จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการสร้าง “พลเมืองดิจิทัล” ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต ช่วยให้นักเรียนไทยพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ และก้าวทันโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นใจ

Shopping Cart
Scroll to Top